โซลิโต้ - เพรทิลาคลอร์ + ไพริเบนซอกซิม ขนาด 1 ลิตร ออกฤทธิ์ทั้งคุมและฆ่าหญ้าในขวดเดียว
โซลิโต้
สารป้องกันและกำจัดวัชพืชในนาข้าว
ชื่อสามัญ : เพรทิลาคลอร์ (pretilachlor) + ไพริเบนซอกซิม (pyribenzoxim)
กลุ่มสารเคมี : กลุ่ม K3+B สารกำจัดวัชพืช
จุดเด่น โซลิโต้
โซลิโต้ ออกฤทธิ์ทั้งคุมและฆ่าหญ้าในขวดเดียว กำจัดวัชพืชได้หลากชนิดในขวดเดียว ทั้งใบแคบ ใบกว้างและกกชนิดต่างๆ โซลิโต้ ออกฤทธิ์ 2ทิศทาง ใต้ดินด้วยการเคลือบผิวดินและซึมเข้าคุมเมล็ดวัชพืชไม่ให้งอก เหนือดินโดยออกฤทธิ์แบบสัมผัสการจัดวัชพืชหลังงอกโดยตรง หญ้าตายภายใน 2-3วัน โซลิโต้ ปลอดภัยต่อข้าว ข้าวไม่แดง ไม่งัน ระยะปลอดฝนสั้น สามารถหล่อน้ำได้เร็ว น้ำท่วมยอดข้าวได้
โซลิโต้เหมาะกับข้าว
แนะนำใช้หลังวัชพืชงอก (post-emergence) ในข้าวนาหว่านน้ำตม เพื่อกำจัดวัชพืช วัชพืชประเภทใบแคบ เช่น หญ้าข้าวนก และหญ้านกสีชมพู วัชพืชประเภทใบกว้าง เช่น ผักปอดนา และวัชพืชประเภทกก เช่น แห้วหมูนา
อัตราการใช้ : ใช้โซลิโต้ 160-200 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 60-80 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 ไร่ หรือ อัตรา: อัตรา 40-50 มิลลิลิตร ผสมน้ำ 15-20 ลิตร พ่นบนพื้นที่ 1 งาน
วิธีการ : พ่นบนพื้นที่ 1 งาน หลังหว่านข้าว 6-10 วัน ก่อนพ่นสารให้ระบายน้ำออกและทดน้ำเข้านาหลังพ่นสาร 2-3 วัน
โซลิโต้ ประกอบด้วยสาร ไพริเบนโซซิม และ เพรทิลาคลอร์ สารคุมและฆ่าวัชพืช ก่อนและหลังวัชพืชงอก ในนาข้าว ใช้ฉีดพ่นในนาข้าวช่วงอายุ 7-10 วันหลังหว่าน
วิธีเก็บรักษา : ต้องเก็บ โซลิโต้ ในภาชนะเดิมที่ปิดแน่น มีฉลากติดอยู่ และไม่ให้ถูกแสงแดด สถานที่เก็บต้องแห้งและเย็น ห่างไกลจากเด็ก อาหาร น้ำดื่ม สัตว์เลี้ยงและเปลวไฟ
คำเตือน : โซลิโต้ เป็นวัตถุอันตรายต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันมิให้เป็นอัตรายต่อผู้ใช้และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ผู้ใช้ต้องปฏิบัติดังนี้ : 1. ห้าม ดื่มน้ำ กินอาหาร หรือสูบบุหรี่ในขณะปฏิบัติงาน ห้าม คนและนำสัตว์เข้าไปในบริเวณที่พ่นสารอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ห้าม เทสารที่เหลือ หรือล้างภาชนะบรรจุ อุปกรณ์ เครื่องพ่นสารลงในแม่น้ำ ลำคลอง หรือบริเวณใกล้เคียง เมื่อใช้สารฯ หมดแล้ว ห้าม ใช้ไฟเผาภาชนะบรรจุ หรือนำกลับไปใช้อีก ห้าม เด็ก และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในบริเวณที่กำลังพ่นสาร 2. ขณะผสม ต้อง สวมถุงมือยาง และหน้ากากเพื่อป้องกันมิให้สารเข้มข้นถูกผิวหนัง และกระเด็นเข้าตา การผสมให้ใช้ ไม้กวน ขณะพ่นสาร ต้อง อยู่เหนือลมเสมอ และควรสวมถุงมือยาง และหน้ากาก ต้อง ล้างมือ และหน้าให้สะอาดด้วย สบู่ และน้ำก่อนกินอาหาร ดื่มน้ำ หรือสูบบุหรี่ หลังจากทำงานเสร็จแล้ว ต้อง อาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าและซักชุดที่สวมทำงานให้สะอาด ภาชนะบรรจุเมื่อใช้หมดแล้วให้กลั้ว ล้างด้วยน้ำ 3 ครั้ง และรวมเอาน้ำล้างไปใช้ผสมพ่นสาร กำจัดภาชนะบรรจุโดยทำลายแล้วฝังดิน หรือรวมทิ้งให้ปลอดภัย 3. ระวัง อย่าให้เข้าปาก ตา จมูก หรือถูกผิวหนัง และเสื้อผ้า 4. การใช้สารกำจัดวัชพืช ซึ่งอยู่ในอักษรกลุ่มเดียวกัน ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดความต้านทานของวัชพืช 5. อาจทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง 6. เป็นพิษต่อปลาต้องระวังการชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ
อาการเกิดพิษ : 1. อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง และดวงตา อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังจากการสัมผัส อาจเป็นอันตรายต่อปอดหากกลืนกิน
การแก้พิษเบื้องต้น : 1. ถ้าเกิดอาการเป็นพิษเนื่องจากการสูดดม รีบนำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่ใช้ และให้พักผ่อนในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หากอาการไม่ทุเลา รีบไปพบแพทย์ 2. ถ้าเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากนาน 15 นาที หากอาการไม่ทุเลา รีบไปพบแพทย์ 3. ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างออกด้วยสบู่และน้ำจนสะอาด ถ้าเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที 4. ถ้าเข้าปากให้รีบบ้วนน้ำล้างปาก หากกลืนกิน ห้ามทำให้อาเจียน และ ห้าม ให้น้ำ เครื่องดื่ม หรืออาหารใดๆ ทั้งสิ้น รีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันทีพร้อมภาชนะบรรจุและฉลาก
คำแนะนำสำหรับแพทย์ : 1. รักษาตามอาการ 2. หากกลืนกินเข้าไปจำนวนมากให้ล้างท้องแล้วตามด้วย activated charcoal 25 g ผสมน้ำ 300 ml และ sorbitol 70% 1-2 ml/kg น้ำหนักตัว (เด็กต่ำกว่า 12 ปีลดขนาดเป็น sorbitol 35% 1.5-2.3 ml/kg น้ำหนักตัว)